วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

5 สาเหตุการเกิดสิว ที่ทำให้สิวไม่ยอมหายสักทึ



5 สาเหตุการเกิดสิว ที่ทำให้สิวไม่ยอมหายสักที

ถ้าพูดถึงสาเหตุการเกิดสิว แต่ละคนคงมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ถ้ารู้สาเหตุของตัวเอง การรักษาสิวคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ยากคงเป็นเรื่อง "ความไม่รู้" มากกว่า วันนี้Acnedefend มี 5 สาเหตุการเกิดสิว ที่ทำให้สิวไม่ยอมหายสักที มาฝาก ถ้าพร้อมแล้วตามมาเลยครับ




1. สิวกับฮอร์โมน


ฮอร์โมนคือหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว ด้วยเหตุนี้คนส่วนใหญ่จึงเป็นสิวในช่วงวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนแปรปรวนมากที่สุด พอผ่านพ้นช่วงนี้ปัญหาสิวจะค่อยๆลดน้อย หรือหายไปในที่สุด แต่ก็มีบางคนที่ถึงแม้จะผ่านช่วงวัยรุ่นมานานแล้วก็ยังเป็นสิวไม่ยอมหายสักที ซึ่งอาจมีที่มาจากฮอร์โมนภายในร่างกายนั่นเอง ถ้าให้ยกตัวอย่างการเกิดสิวฮอร์โมนที่เด่นชัดอีกหนึ่งเคส ให้ดูเคสคนที่ชอบเป็นสิวก่อนรอบเดือน ปกติไม่ขึ้นแต่พอประจำเดือนใกล้มาเมื่อไรสิวมาเยือนทุกที ด้วยเหตุนี้ทำให้สิวฮอร์โมนจัดเป็นสิวที่น่ารำคาญมากที่สุดชนิดหนึ่ง เพราะมันอาจติดตามเราไปตลอดชีวิต ไม่หายขาดก็เป็นได้

2. เครื่องสำอางเป็นเหตุ


เครื่องสำอาง อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สิวไม่ยอมหายสักที โดยเฉพาะกับสิวอุดตัน ที่มักเกิดจากการใช้เครื่องสำอาง ครีมบำรุง หรือครีมกันแดด ที่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตันผิวง่าย พอเกิดการอุดตันน้ำมันที่ออกมาหล่อเลี้ยงผิวไม่มีทางออก สุดท้ายกลายเป็นก้อนคอมิโดนหรือหัวสิวฝังอยู่ใต้ผิวรอวันอักเสบ นอกจากเรื่องส่วนผสมแล้ว การทำความสะอาดเครื่องสำอางก็สำคัญไม่แพ้กัน ใครต้องแต่งหน้าเป็นประจำอย่าลืมใช้คลีนซิ่งสูตรอ่อนโยนเช็ดทำความสะอาดผิวก่อนล้างหน้าทุกครั้ง เพราะเครื่องสำอางส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการอุดตันสูง ถ้าไม่ทำความสะอาดให้ดีรับรองว่าสิวอุดตันถามหาแน่นอนครับ



3. การระคายเคืองจากสิ่งรอบตัว


บางครั้งสิวที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่สิวจริงๆ อาจเป็นผดผื่นที่เกิดจากการระคายเคือง จากข้าวของเครื่องใช้ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อยู่รอบตัวเรา เช่น สบู่ แชมพู ครีมนวดผม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ หรือมูสแต่งผม ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม อย่างบางคนเป็นสิวที่คางมานาน ทายามาหลายตัวไม่เคยหาย พอเปลี่ยนยี่ห้อยาสีฟันใหม่เท่านั้นแหละ สิวที่คางหายเลยก็มี มีคนเป็นสิวที่เกิดจากการระคายเคืองแบบนี้เยอะเหมือนกัน ดังนั้นตอนนี้ใครเป็นสิวไม่หายสักที ลองสังเกตผลิตภัณฑ์รอบตัวว่ามีตัวไหนน่าสงสัยบ้าง ลองงดหรือปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ว่าดู เผื่ออะไรๆจะดีขึ้นมาบ้าง




         
 

4. สายลมและแสงแดด


สิวอะไรเอ่ย "เช้าหาย บ่ายโผล่" ?............เฉลย สิวผดนั่นเอง ไม่รู้ใครเคยเจอปัญหาสิวขึ้นตามสภาพอากาสแบบนี้บ้าง แต่ที่แน่ๆคงปวดหัวไปตามๆกัน เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง บางคนเจออากาศร้อนๆเหงื่อเยอะๆสิวเห่อขึ้นทันที บางคนอาการเปลี่ยนร้อนเป็นหนาว หนาวเป็นร้อน อย่างคนที่ย้ายไปอยู่เมืองนอกใหม่ๆ เจอสภาพอากาศที่แปลกไป ผิวหน้าปรับตัวไม่ทัน สิวเห่อขึ้นเต็มหน้าไปหมด ส่วนใหญ่คนที่มีปัญหาสิวผดแบบนี้มักมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ไวต่อสิ่งเร้า ต้องพยายามปรับสภาพผิวให้แข็งแรง และหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่เกิดขึ้น น่าจะพอช่วยแก้ปัญหาสิวหรือผดผื่นที่เป็นอยู่ได้บ้างครับ

5. ไลฟ์สไตล์พาไป


สุดท้ายนี้ถ้าสิวไม่ยอมหายสักที ลองกลับมามองดูไลฟ์สไตล์ของตัวเราสักหน่อย ว่ามีตรงไหนน่าจะเป็นสาเหตุการเกิดสิวได้บ้าง? ถ้านึกไม่ออกผมมีคำถามตัวอย่างที่อยากให้ลองถามตัวเองดู เช่น เรานอนดึกเกิน 5 ทุ่มหรือเปล่า , เราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือไม่ , เราชอบกินของหวานๆ ขนมกรุบกรอบ หรืออาหาร junk food หรือเปล่า , มีความเครียดเป็นประจำใช่หรือไม่? หรือบางครั้งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมในบ้าน หรือที่ทำงานที่ต้องอยู่กับฝุ่นละออง สิ่งสกปรก เป็นเวลานาน ผิวที่ระคายเคืองหรืออุดตันง่ายเริ่มทานทนไม่ไหว สิวขึ้นหน้าไปตามๆกันก็มี ลองถามตัวเองดูนะครับ ว่าไลฟ์สไตล์ข้อไหนขัดใจผิวหน้า เผื่อจะเจอวิธีแก้ปัญหาสิวที่เกิดขึ้น

จริงๆแล้วสาเหตุการเกิดสิวมีมากกว่า 5 ข้อที่เขียนมาแน่นอน  ส่วน 5 สาเหตุที่ยกมานี้เป็นอีกมุมที่ผมอยากนำเสนอให้ผู้อ่านได้เอะใจ ว่าบางครั้งเรื่องธรรมดาหรือกิจวัตรที่เราทำอยู่ทุกวัน อาจเป็นสาเหตุการเกิดสิวเรื้อรังโดยที่เราไม่รู้ตัว รู้ก่อน หายก่อน รักษาสิวให้ถูกวิธี ผิวหน้าดีสวยใสได้ไม่ยากครับ 



อ้างอิง:http://acnedefend.blogspot.com/

แนะนำ 7 ครีมลดรอยสิว รอยแดง จุดด่างดำจากสิว ตัวไหนดี ตัวไหนโดน





รวม 7 ครีมลดรอยสิวที่ดีที่สุด

เรื่องรอยสิว รอยแดง รอยดำ จุดด่างดำจากสิว จัดเป็นปัญหาใหญ่ของคนเป็นสิวทุกคน ใครเป็นสิวต้องเจอปัญหาที่ว่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างตัวผมเองก็เจอปัญหารอยสิวที่ว่านี้เป็นประจำ แต่ของผมหนักหน่อยเพราะเป็นหลุมสิวด้วย ดังนั้นผมจึงพยายามสรรหาครีมทาลดรอยสิวมาทาหน้าอยู่เสมอ ลองมาแล้วหลายตัวและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหาตัวใหม่ๆ และวันนี้ Acnedefend ได้รวมครีมลดรอยสิวที่ว่ามาไว้ในบทความนี้ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 7 ตัวด้วยกัน มาดูกันครับว่าแต่ละตัวมีจุดเด่นจุดด้อยตรงไหน ตัวไหนใช้ดีกว่ากัน

ครีมลดรอยสิว Hiruscar Postacne

1. ครีมลดรอยสิว Hiruscar Postacne


ขอพูดถึงครีมลดรอยสิว Hiruscar Postacne ก่อนเลยแล้วกันเพราะเป็นครีมลดรอยสิวตัวแรกที่ผมใช้ เนื้อครีมจะออกสีเหลืองๆหน่อย ทาแล้วซึมค่อนข้างเร็วและเมื่อทาทิ้งไว้จะไม่ทำให้หน้ามันหรือเหนียวหน้ามากนัก สารตัวหลักที่ใช้ลบรอยสิวคือ Allium cepa หรือสารสกัดจากหัวหอม ที่สามาถช่วยทำให้รอยสิวและรอยแดงดูจางลง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำให้รอยแผลอ่อนนุ่มและเรียบเนียนขึ้น สำหรับครีมลดรอยสิว Hiruscar Postacne หลอดนี้ผมว่า OK เลยนะ ผมว่าเหมาะกับคนผิวมันดี เรื่องลบรอยสิวก็ดีตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น กลิ่นออกอาจจะแปล่งๆเล็กน้อย ก็ประทับใจครับสำหรับครีมลดรอยสิวหลอดแรกที่ใช้ สามารถอ่านรายละอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ



2. ครีมลดรอยสิว Scagel


ครีมลดรอยสิว Scagel ตัวนี้จริงๆแล้วผมก็ใช้พร้อมๆกับ Hiruscar postacne คือ ซื้อมาพร้อมกัน ตอนนั้นไปอ่านตาม Pantip ตามบล็อกต่างๆมา ครีมลดรอยสิว 2 ตัวนี้โดดเด่นที่สุด ด้วยความที่ร้อนวิชาอยากลองของก็เลยซื้อมาใช้ทั้ง 2 ตัวเลย ตอนที่ซื้อ Scagel เภสัชบอกว่าตัวนี้ช่วยลดรอยสิวและช่วยลดการอักเสบของสิวได้ด้วย อืมเป็นความรู้ใหม่เลยนะตอนนั้น ก็ซื้อมาลองใช้ เนื้อครีมเป็นสีใส ออกข้นๆ เหนียวๆสักหน่อย ทาไปแล้วบอกเลยเหนียวหน้ามาก ซึมเข้าผิวค่อนข้างช้า ทาแล้วหน้าจะออกมันๆหน่อย ผมว่าครีมลดรอยสิว Scagel ตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นนะ อ้อ!!! ลืมบอกไป scagel จะมีส่วนผสมหลักๆเป็นมะขามกับผลไม้นานาชนิด ออกแนวครีมสมุนไพรหน่อยๆ ใครชอบแนวสมุนไพรลองดูได้นะ เรื่องลดรอยสิวก็ขึ้นชื่อไม่แพ้ตัวอื่น คนใช้แล้วติดใจเยอะเหมือนกัน ใครสนใจลองใช้ได้ หลอดขนาด 7 กรัม 198 บาท


ครีมลดรอยสิว Clinascar gel

3. ครีมลดรอยสิว Clinascar gel


ครีมลดรอยสิว Clinascar gel เป็นครีมตัวที่ 3 ที่ผมได้ลองใช้ เรื่องๆของเรื่องคือวันนั้นผมไปซื้อ Hiruscar ที่ร้านขายยาเพชรรัตน์ตรงศิริราช แล้วคนขายเค้าก็แนะนำครีมลดรอยสิว Clinascar gel มาบอกเป็นตัวใหม่มีตัวยาเยอะกว่า Hiruscar อีกนะ ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าตัวยาที่เยอะกว่าที่ว่าคือตัวไหน ลืมถาม แต่มารู้จาก comment ที่อยู่ในบล็อกมีเภสัชคนหนึ่งบอกว่าตัวยาที่ว่าคือ Allium cepa โดย Hiruscar postacne มี Allium cepa 10% ในขณะที่ Clinascar gel มี Allium cepa 12% ต้องขอบคุณข้อมูลดีๆไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และด้วยสัญชาติญาณการเป็นบล็อกเกอร์ผมก็เลยสอยมา 1 หลอดมาลองของทันที เนื้อเจลเป็นสีใส ออกข้นๆคล้ายๆกับ Scagel กลิ่นน้ำหอมรุนแรงมาก หอมจนเหม็นเลยนะผมว่า ทาลงผิวไปแล้วจะรู้สึกเหนียวหน้ามากๆ โดยเฉพาะถ้าทาตอนหน้าร้อนนะหน้าจะมันเร็วมาก ส่วนผสมหลักๆคือ Allium cepa  , Allantoin , Vitamin E , Alovera powder ดูจากส่วนผสมแล้วเน้นให้ความชุ่มชื้นจริงๆ ใครผิวขาดน้ำ ต้องการความชุ่มชื้น พร้อมกับลดรอยสิวไปในตัวก็ลอง Clinascar gel ตัวนี้ได้ครับ ขนาด 15 กรัม 280 บาท ถูกกว่า Hiruscar กับ Scagel นะ




ครีมลดรอยสิว Mederma

4. ครีมลดรอยสิว Mederma


ครีมลดรอยสิว Mederma เป็นครีมที่ได้รับคำแนะนำจากผน้องใน Facebook คนหนึ่ง น้องเค้าบอกว่าเป็นครีมลดรอยสิวที่ดีมากๆเห็นบล็อกเกอร์คนหนึ่ง review เอาไว้ ผมก็ไม่รอช้าครับ ไปซื้อมาลองใช้ทันที พอใช้หมดหลอดก็บอกเลยว่าไม่ผิดหวังครับ ตอนนี้กลายเป็นครีมลดรอยสิวตัวหลักไปแล้วครับ เนื้อเจลเป็นสีใส ซึมเข้าผิวเร็ว ทาแล้วหน้าไม่มันเพิ่ม บางทีทาไปเหมือนหน้ามันจะลอกๆด้วยซ้ำ มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์ สารออกฤทธิ์คือ Cepalin เป็นลิขสิทธิ์ของทาง Mederma เองเลย เค้าบอกมาว่าช่วยแก้ปัญหารอยแผลเป็นต่างๆได้มีประสิทธิภาพกว่าสารสกัดหัวหอมแบบทั่วๆไป ซึ่งจากที่ลองใช้ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยครับ ใช้แล้วรู้สึกว่ารอยแผลเป็นมันอ่อนนุ่มขึ้นจริงๆ รอยสิวก็จางเร็วกว่าตัวอื่นที่เคยใช้มา ตอนนี้ถ้าใครถามผมว่าครีมลดรอยสิวที่ดีที่สุดเป็นตัวไหน ผมก็จะแนะนำ Mederma นี่แหละครับ นี่ความคิดเห็นส่วนตัวเลยนะ โดนเลยครับตัวนี้ ส่วนราคาค่าตัวนั้นถือว่าแพงกว่าตัวอื่นๆ ขนาด 10 กรัม ราคาข้างกล่อง 450 บาท แต่ผมไปซื้อร้านขายยาแถวๆศิริราช ราคาหลอดละ ประมาณ 260-290 บาท ใครสนใจไปหาซื้อมาใช้ได้ครับ ลองไปซื้อตามร้านขายยาทั่วๆไปก่อน ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่านะครับ ถ้าไม่มีก็ไปแถวๆศิริราชมีเกือบทุกร้าน




ครีมลดรอยสิว Scarderm plus

5. ครีมลดรอยสิว Scarderm plus


ครีมลดรอยสิว Scarderm plus เป็นครีมที่ผู้อ่านบล็อกแนะนำให้ลองใช้ดู เป็นครีมลดรอยสิวสูตรผสมหอยทากจากสเปน ช่วงนี้ครีมหอยทากกำลังดังซะด้วย Scarderm plus ก็เลยดูน่าสนใจเป็นพิเศษ เนื้อเจลเป็นสีใสๆ ทาลงหน้าแล้วซึมไวอารมณ์เดียวกับ Hiruscar เลย ทาแล้วไม่เหนียวหน้ามากนัก กลิ่นหอมอ่อนๆ ถ้าไม่ตั้งใจดมอาจไม่ได้กลิ่น ส่วนผสมหลักๆคือ Allium cepa , สารสกัดจากหอยทางสเปน , วิตามินรวม A C E F, สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ถ้าดูจากส่วนผสมแล้วจัดเป็นครีมลดรอยสิวที่น่าสนใจมากๆตัวหนึ่ง โดยเฉพาะการรวมตัวกันระหว่าง Allium cepa กับ สารสกัดจากหอยทางสเปน คงเป็นการร่วมมือกันที่น่าดูชมไม่น้อย ช่วยในเรื่องลดรอยแดง รอยดำ ช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียน สม่ำเสมอขึ้น จากที่ได้ลองใช้ก็ชอบนะครับ ถ้ามีโอกาสจะกลับมาใช้อีก แต่ยังมีครีมลดรอยสิวที่อยากลองใช้อีกหลายตัว คิดว่าอีกนานกว่าจะได้เจอกันใหม่ แต่ถ้าใครอยากลองใช้ก็จะบอกราคาให้ ขนาด 5 กรัม 125 บาท (ราคาไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย) หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปนะครับ




ซีรั่ม Smooth e face lift external capsules

6. ซีรั่ม Smooth e face lift external capsules


เซรั่ม Smooth e face lift external capsules แคปซูลสีเขียวของยี่ห้อ Smooth E เป็นยี่ห้อที่มีผลิตภัณฑ์ออกมาเยอะจริงๆ ช่วงแรกเปิดตัวมาด้วย Smooth E Babyface Foam หลังจากนั้นก็ตามออกมาอีกหลายตัว และ เซรั่ม Smooth e face lift external capsules ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ยุคหลังๆของ Smooth E ที่ออกมาตีตลาดในเรื่องการรักษาริ้วรอย รอยแผลเป็นจากสิว ส่วนผสมหลักคือ สารสกัด Grape Seed Oil , สารสกัด Aloe Vera Extract , สารสกัด Gingko Biloba Extract , Vitamin E , Vitamin A  ซึ่งตัวนี้ผมยังไม่เคยลอง แต่เคยไปสัมภาษณ์เพื่อผมที่ใช้อยู่มาขอบอกเลยว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย ใครสนใจลองอ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้ที่นี่ครับ




ซีรั่ม Smooth E Acne scar serum

7. ซีรั่ม Smooth E Acne scar serum


Smooth E Acne scar serum ตัวนี้เป็นซีรั่มจากค่าย Smooth E ที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องรอยแผลเป็น แผลสิวโดยเฉพาะ ใส่สารบำรุงผิวมาเพียบ เช่น Allium cepa  , Aloe vera Extract , Hyaluronic acid , Vitamin E , Niacinamide หรือวิตามิน B3 ถ้าดูจากส่วนผสมแล้วมันก็ดูน่าสนใจดีในเชิงปริมาณ แต่ไม่รู้ว่าถ้าใช้จริงๆมันจะดีจริงหรือเปล่า เพราะยี่ห้อนี้มีหลายคนที่ใช้แล้วแพ้ สิวขึ้นเยอะกว่าเดิมก็มี ซึ่งผมมองว่าเป็นธรรมดาของผลิตภัณฑ์ทุกตัว มีแพ้ มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนตัวแล้วผมยังไม่เคยลองใช้ แต่ก็สนใจอยากลองใช้อยู่ก็เลยไปหาข้อมูลไว้ก่อน ใครสนใจเจ้า Smooth E Acne scar serum หลอดนี้ตามไปอ่านได้ที่บทความนี้ครับ


จัดอันดับครีมลดรอยสิวตามความชอบ


1. Mederma
2. Hiruscar Postacne
3. Scarderm Plus
4. Clinascar gel
5. Scagel


    จัดแค่ 5 อันดับเท่านั้นนะครับ อีก 2 ตัวคือ Smooth e face lift external capsules กับ Smooth E Acne scar serum ไม่ขอจัดเพราะไม่เคยลองใช้จริงเลยไม่รู้ว่าดีขนาดไหน ยังไงนี่ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ หากใครมีความคิดเห็นแตกต่างจากนี้มาแชร์กันได้นะครับ ลองจัดลำดับใหม่ก็ได้ มีหลายๆความคิดเห็นดีออก จะได้ดูหลากหลายมากขึ้น ก็ลองเลือกดูนะครับว่าจะใช้ครีมลดรอยสิวตัวไหน ทุกคนมีสิทธิ์เลือกครับ ส่วนผมกำลังมองหาครีมลดรอยสิวตัวใหม่มาลองใช้อยู่ ได้เรื่องยังไงจะกลับมา Update ให้ฟังครับ วันนี้ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวขอลาไปก่อน สวัสดีครับ 



อ้างอิง:http://acnedefend.blogspot.com

เรื่องน่ารู้ของแป้งน้ำศิริราช ยาทารักษาสิวยอดนิยม (Lotion P No. 1)


"แป้งน้ำศิริรราช" หรือ Lotion P No.1

ผมคิดว่ามีคนเป็นสิวน้อยคนที่ไม่รู้จัก "แป้งน้ำศิริรราช" หรือ Lotion P No.1 แป้งน้ำรักษาสิวที่โด่งดังมาจากห้องโต๊ะเครื่องแป้งใน Pantip ผมเองเป็นอีกหนึ่งคนที่เคยใช้ และได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจกลับมาในเรื่องของการรักษาสิว ถือเป็นหนึ่งในไอเท็มรักษาสิวในตำนานของผมก็ว่าได้ วันนี้ผมมี 5 เรื่องน่ารู้ของแป้งน้ำศิริราชมาฝาก มาทำความรู้จักกับยาทาสิวตัวนี้ได้เลยครับ



1. ให้ส่วนผสมมาแบบเน้นๆ


ถ้าดูส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ข้างขวดของแป้งน้ำศิริราช จะพบว่ามีแค่ 3 ตัวเท่านั้น คือ

1. Resorcinol 1%  ช่วยลดการหนาตัวของผิว ลดการอุดตัน ช่วยผลัดผิวชั้นบน
2. Salicylic Acid 1% หรือ BHA ช่วยผลัดผิว ลดการอุดตัน และการอักเสบของสิว
3. Zinc Oxide 6.7% ช่วยลดการระคายเคืองของผิวหนัง ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด

จะเห็นได้ว่าไม่มีส่วนผสมของสารบำรุงผิวอื่นๆเลย ให้มาเฉพาะสารที่จำเป็นต่อการรักษาสิวเท่านั้น ทำให้แป้งน้ำศิริราชมีราคาค่าตัวที่ไม่แพง ขวดละ 25 บาทเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่คนเป็นสิวนิยมใช้แป้งน้ำศิริราชรักษาสิวกันมาก

2. ช่วยลดการเกิดสิวได้ในระดับหนึ่ง


ถึงแม้ชื่อเสียงของแป้งน้ำศิริราชจะโด่งดังแค่ไหน แต่ความจริงก็คือ แป้งน้ำศิริราชใช้ลดการเกิดสิวได้ดีในระดับหนึ่ง หรือลดการเกิดสิวในคนที่เป็นสิวไม่รุนแรงมากนัก ใช้ลดการอุดตันและการอักเสบของสิวได้บ้าง แต่ถ้าเป็นสิวอุดตันเยอะๆหรือสิวอักเสบจำนวนมาก เกรงว่าแป้งน้ำรักษาสิวตัวนี้อาจเอาไม่อยู่ ปรึกษาหมอผิวหนังดีกว่าครับ

3. หาซื้อยากมาก


เนื่องจากแป้งน้ำศิริราช หรือ Lotion P No.1 เป็นผลิตภัณฑ์รักษาสิวของโรงพยาบาลศิริราช ทางโรงพยาบาลเองคงต้องการให้คนที่มีปัญหาสิวได้ใช้รักษาสิวในราคาย่อมเยาว์ ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่เห็นแป้งน้ำศิริราชวางขายอยู่ตามร้านขายยาที่อื่นเลย ต้องมาซื้อที่โรงพยาบาลที่เดียว นอกจากนี้ยังจำกัดจำนวนการซื้อ/คน/วัน แค่เพียงคนละ 4 ขวดเท่านั้น คนที่อยู่ต่างจังหวัดแต่อยากลองใช้นี่ลำบากเลย คงต้องฝากเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่อยู่กรุงเทพซื้อให้ หรือไม่ก็ต้องสั่งซื้อผ่านเพจหรือเว็บไซต์ที่เค้าซื้อมาขายต่อเอา ราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก



4. สิวที่หน้าหรือที่ตัวใช้ได้หมด


แป้งน้ำศิริราชเป็นยาทารักษาสิวที่สามารถใช้ได้ที่หน้าและส่วนต่างๆของร่างกายที่มีสิวขึ้น หน้าอก แผ่นหลัง คอ แขนขา ถามว่ายาตัวอื่นใช้ทาไม่ได้หรือ? จริงๆก็ทาได้ครับ แต่ด้วยลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำผสมกับแป้ง ทำให้เราสามารถทายาเป็นวงกว้างได้โดยไม่เปลืองมากนัก ด้วยเหตุนี้เราจึงนิยมใช้แป้งน้ำทารักษาสิวที่หลังมากกว่า บางคนบอกเอามาทาหน้าไม่ค่อยได้ผล จับมาทาหลังสิวหายเรียบก็มี ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจครับ

5. ใช่ว่าจะได้ผลดีกับทุกคน


เป็นธรรมดาครับ ไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนในโลกนี้ที่เหมาะกับทุกคน คนใช้แล้วไม่ work ใช้แล้วแพ้ก็มี ถึงแม้เราจะได้ยินหลายคนบอกว่าใช้แป้งน้ำศิริราชแล้วดี ช่วยให้สิวหายหน้าใส แต่แน่นอนครับต้องมีคนบอกว่า ใช้แล้วรู้สึกเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือใช้แล้วสิวขึ้นมากกว่าเดิมอีก ดังนั้นควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจใช้ทุกครั้งด้วยครับ

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ผมคิดว่าต้องมีคนสงสัยว่าถ้าเราต้องการซื้อแป้งน้ำศิริราช Lotion P No.1 เราต้องไปซื้อที่ไหน? ตึกไหน? ซื้อกี่โมง เสาร์-อาทิตย์ขายมั้ย ผมให้ข้อมูลไว้เลยก็แล้วกันครับ

สถานที่จำหน่าย


โรงพยาบาลศิริราช ตึกสยามินทร์ ตรงนั้นจะมีเคาน์เตอร์เล็กๆขายผลิตภัณฑ์ของโรงพยาบาลอยู่ ต่อแถวรอซื้อได้เลย แต่อย่าลืมนะครับ ซื้อได้ไม่เกิน 4 ขวด/คน/วัน เท่านั้น



ช่วงเวลาจำหน่ายแป้งน้ำศิริราช Lotion P No.1 


วันจันทร์ - ศุกร์      10.00 น. - 16.00 น. และ 16.30 น. - 19.30 น.
วันเสาร์                  09.00 น. - 16.00 น.

ปิดจำหน่ายวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

บทความนี้ 5 เรื่องน่ารู้ของแป้งน้ำศิริราชนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้น ฝากให้ผู้อ่านลองพิจารณาดูก็แล้วกันครับ อ้อ!!! ลืมบอกไป ผมไม่มีแป้งน้ำศิริราชขาย และไม่รับฝากซื้อด้วยนะครับ เอาข้อมูลมาฝากเท่านั้นเอง



อ้างอิง:http://acnedefend.blogspot.com

5 เรื่องน่ารู้ของสิวเสี้ยน รักษายังไงดีนะ?



5 เรื่องน่ารู้ของสิวเสี้ยน

วันนี้เรามาทำความรู้จักกับสิวที่เป็นเหมือนเส้นขนสีขาวเล็กๆ ชอบขึ้นตามซอกจมูก และปลายคางเป็นส่วนใหญ่ ใช่แล้วครับ !!!มันคือ "สิวเสี้ยน" นั่นเอง สิวที่เหมือนไม่ใช่ปัญหา แต่สร้างความรำคาญให้กับชีวิตมากกว่า



1. สิวเสี้ยนคือเส้นขนที่อุดตัน


จริงๆแล้วเกิดของสิวเสี้ยนคล้ายกับสิวอุดตันมาก คือ เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่สิวอุดตันจะเป็นก้อนไขมันแข็งๆ หรือคอมิโดน แต่สิวเสี้ยนเป็นกระจุกของขนประมาณ 5-50 เส้นมารวมตัวกัน ถ้ามองด้วยตาเปล่าจะเห็นเป็นเส้นเส้นเดียว ต้องขยายด้วยกล้องจุลทรรศน์ถึงจะเห็นชัด พูดง่ายๆ สิวเสี้ยน คือ "สิวอุดตันที่มีขนอยู่ข้างใน"ชอบขึ้นบริเวณที่มีผิวมัน ตรงที่มีขนเยอะๆ สิวเสี้ยนมันชอบมาก

2. ฮอร์โมน และการระคายเคืองเป็นเหตุ


อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า สิวเสี้ยนเกิดจากการอุดตัน ซึ่งการอุดตันเกิดการรวมตัวของน้ำมัน เซลผิวที่ทับถมอยู่ด้านบน และเส้นขน ฮอร์โมนเพศชาย คือ ตัวกระตุ้นการสร้างน้ำมัน คนที่หน้ามัน รูขุมขนกว้าง คือคนที่มีฮอร์โมนเพศชายมากนั่นเอง นอกจากนี้สิวเสี้ยนยังเกิดจากการระคายเคือง เช่น การขัดถูหน้าแรงๆ การนวดหน้าได้อีกด้วย

3. ทายาลดการอุดตัน


วิธีรักษาสิวเสี้ยนที่นิยมทำกัน คือ การทายาหรือครีมลดการอุดตัน เช่น retin-a, differin , benzac ac ยาทาเหล่านี้จะ ช่วยลดการหนาตัวของผิวหนัง ช่วยผลัดเซลผิว ลดการอุดตัน ทำให้สิวเสี้ยนหลุดลอกออก และยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนใหม่ได้ retin-a กับ differin ใช้ทาบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยนวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน ส่วน benzac ac ใช้ทาก่อนล้างหน้า ทาทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยการล้างหน้าตามปกติ ทาวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวก็พอ ที่สำคัญก่อนใช้ควรปรึกษาเภสัชกรเพื่อความปลอดภัยในการใช้ยาด้วยครับ






4. AHA ผลัดเซลผิว


นอกจากจะใช้ยาทาลดการอุดตันลดการเกิดสิวเสี้ยนได้แล้ว เรายังสามารถใช้ AHA ช่วยลดสิวเสี้ยนได้เช่นกัน AHA เป็นกรดผลไม้ มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลผิวด้านบนที่ตายออก ช่วยลดการอุดตัน และรอยสิวได้ดี ตัวอย่างครีม AHA ที่วางขายตามท้องตลาด AHA Maxkin 10% , Vitara AHA 9% ,   PAULA'S CHOICE AHA 8% หรือจะไปทำทรีทเม้นท์ตามคลินิกเสริมความงามก็ได้เช่นกัน มีบริการทำ AHA แทบทุกที่ เป็นวิธีลดสิวเสี้ยนที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง แต่ต้องมั่นใจว่าหน้าไม่แพ้ AHA นะ











5. เลเซอร์สิวเสี้ยน


ปกติเป็นสิวเสี้ยนไม่จำเป็นต้องทำเลเซอร์ก็ได้ ทายา ดูแลผิวหน้าดีๆเดี๋ยวก็หายครับ แต่สำรับคนที่รู้สึกกว่า สิวเสี้ยนบนหน้ามันมากเกินไป มากจนสร้างปัญหาให้กับชีวิต สามารถใช้ตัวช่วยอย่างเลเซอร์กำจัดขนช่วยได้ อย่างที่บอกว่าต้นเหตุการเกิดสิวเสี้ยนเกิดจากขนเป็นหลัก ถ้าเราสามารถกำจัดขนส่วนเกินออกได้ ปัญหาสิวเสี้ยนจะลดลง แต่การทำเลเซอร์ก็ไม่สามารถทำให้สิวเสี้ยนหายถาวรได้ มันถูกสร้างขึ้นใหม่ได้ตลอด

ถึงจะบอกว่าสิวเสี้ยนไม่ใช่ปัญหาชีวิต แต่บางทีมันก็อดไม่ได้ โดยเฉพาะสาวๆที่ต้องแต่งหน้า เจอสิวเสี้ยนเข้าไปคงไม่แฮปปี้เป็นแน่ ยังไงลองเอาวิธีรักษาสิวเสี้ยนที่แนะนำไปใช้ดูครับ เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง อย่างน้อยให้มันลดลงสักหน่อยด็ยังดี 


อ้างอิง:http://acnedefend.blogspot.com

Case study รักษาสิวหายใน 3 เดือน อย่าเพิ่งเชื่อถ้ายังไม่ได้อ่าน


รักษาสิวหายใน 3 เดือน

สิวฮอร์โมน สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวไม่มีหัว ปัญหาสิวที่ว่ามารวมอยู่บนหน้าของยุ้ยทั้งหมด ยุ้ยเป็นสาววัย 27 ที่ตอนแรกเป็นสิวแบบประปรายขึ้นแต่ช่วงก่อนมีประจำเดือน แต่มีช่วงหนึ่งเดินทางไปต่างจังหวัดแล้วเกิดแพ้น้ำเข้าสิวจากไหนไม่รู้ขึ้นมาเต็มหน้าไปหมดและสิวที่ขึ้นส่วนใหญ่มักเป็นสิวไม่มีหัวเป็นหนองขาวๆอยู่ข้างใน ขึ้นแทบทุกที่แต่จะเยอะเป็นพิเศษแถวๆคางกับกราม เจอใครใครก็ถามว่าทำไมหน้าเป็นแบบนี้ ยุ้ยได้แต่ตอบว่า "ไม่รู้"ถ้ารู้จะเป็นมั้ยล่ะ(คิดในใจ) ตอบจนขี้เกียจตอบ



หาหมอตามคลินิกแต่ไม่หาย

พอเป็นสิวหนักเข้าๆยุ้ยทนไม่ได้จึงตัดสินใจไปหาหมอรักษาสิวที่คลินิก หามาหลายที่แต่ไม่หายยุ้ยบอกว่าส่วนใหญ่จะรักษาคล้ายๆกันคือให้กินยาโรแอค หรือไม่ก็ให้กินฮอร์โมน ซึ่งเป็นอะไรที่ยุ้ยกลัวมากกลัวผลข้างเคียงของยาที่ตามมาโดยเฉพาะเรื่องที่บอกว่าเลิกกินยาแล้วสิวจะเห่อมากกว่าเดิม และด้วยความกลัวนี้เองทำให้ยุ้ยตัดสินใจไม่ไปหาหมออีก และคิดว่าจะลองรักษาสิวด้วยตัวเองดูบ้าง

เป็นสิวฮอร์โมนหรือเปล่า


ยุ้ยบอกว่าก่อนที่จะลองผิดลองถูกยุ้ยพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสิวจากหลายๆที่ ทั้งอ่านจากหนังสือและ search หาข้อมูลจากใน Internet แล้วก็ไปสะดุดกับเรื่องสิวฮอร์โมน จริงอยู่ที่ตอนเป็นเยอะๆอาจเป็นเพราะแพ้น้ำ แต่อาการสิวที่เป็นก่อนหน้านี้ที่ชอบเป็นสิวก่อนมีประจำเดือนและสิวชอบขึ้นที่คางและกรามมากเป็นพิเศษ ยุ้ยจึงคิดว่าตัวเองอาจเป็นสิวฮอร์โมนก็เป็นได้ หลังจากศึกษาข้อมูลจนมั่นใจว่าพร้อมที่จะรักษาสิวด้วยตัวเองแล้วยุ้ยไม่รอช้าเริ่มงานทันที และสิ่งที่ยุ้ยทำคือ

คุมเรื่องอาหารการกิน


  • งดกินขนมปังเบเกอรี่
  • งดกินของมันของทอด
  • งดกินของเค็ม ของหมักดอง
  • ดื่มนมถั่วเหลืองวันละ 2 กล่อง
  • ดื่มน้ำมะเขือเทศวันละ 2 กล่อง







ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ใช้


  • เช็ดทำความสะอาดก่อนล้างหน้าด้วย บิโอเร คลีนซิ่ง มิลค์
  • ล้างหน้าด้วยสบู่ไทยเดิม สูตรสิว ผดผื่นคัน
  • ทาทั่วหน้าด้วย Dr.Somchai Acne Lotion เช้า-เย็น
  • แต้มสิวอักเสบด้วยครีมแต้มสิว Smooth e acne hydrogel เช้า-เย็น


     กินอย่างที่บอกและใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ว่าไว้อย่างต่อเนื่อง 3 เดือนผ่านไปสิวบนหน้าหายไปเกือบหมด เหลือเม็ดสองเม็ดเอาไว้ดูต่างหน้าจากที่เคยเป็นประมาณ 40-50 เม็ด ยุ้ยบอกว่าได้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว








มุมมองผ่าน Acnedefend


     เรื่องสิวไม่เข้าใครออกใครๆจริง ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆจะแพ้น้ำสิวเห่อ หาหมอก็ไม่หาย แต่ด้วยความพยายามทั้งจากการหาข้อมูลและความอดทนสุดท้ายแล้วสิวบนหน้าของยุ้ยก็หายจนได้ ดีใจกับยุ้ยด้วยจริงๆครับ ส่วนเรื่องการกินยาโรแอคคิวเท็นและฮอร์โมนนั้นไม่ควรซื้อมากินเองเพราะเป็นยาที่มีผลข้างเคียงเยอะ ต้องกินตามระยะเวลาที่กำหนดตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น ไม่งั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ ส่วนเรื่องที่บอกว่าหยุดกินยารักษาสิวแล้วสิวจะเห่อมากกว่าเดิมไม่ได้เกิดกับทุกคนครับ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยคนกินแล้วหายมีเยอะแยะ แต่ก็อย่างที่บอกไว้ว่าควรอยู่ในการดูแลของแพทย์จึงจะปลอดภัยที่สุด  สุดท้ายนี้ขอฝาก Case study รักษาสิวหายใน 3 เดือนของยุ้ยเอาไว้ด้วยครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกๆคน

แหล่งอ้างอิง:http://acnedefend.blogspot.com